จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Future Tense

Future Tense คือ รูปแบบของคำกริยาที่แสดงถึงเหตุการณ์หรือ

การกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกาล แบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบด้วย

กัน ได้แก่


รูปแบบของ Future Tense   โครงสร้างของ Future Tense


1. Future Simple                   Subject + will,shall + Verb 1
  

 
 Future Simple Tense  (โครงสร้าง Subject + will, shall + 

 Verb 1)

     
     โดยที่ใช้ shall กับบุรุษที่ 1 ได้แก่ I, We และใช้ will กับบุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3 รวมถึงกับคำนาม ได้แก่ You, he, she, it, they, James, Mary เป็นต้น มีวิธีการใช้ดังนี้


     1. ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และมักมีคำกริยาวิเศษณ์ที่แสดงเวลาที่เป็นอนาคตประกอบอยู๋ในประโยคด้วย คำกริยาวิเศษณ์เหล่านั้น เช่น
     soon (ในไม่ช้านี้)             tomorrow (พรุ่งนี้)          next week (สัปดาห์หน้า)
     next month (เดือนหน้า)    next year (ปีหน้า)         in a moment (อีกสักครู่)
ตัวอย่างประโยค
     shall go to school tomorrow.  (ฉันจะไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้)
     The train will arrive at the station in a few minutes.  (รถไฟจะมาถึงที่สถานีในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว)


     2. ใช้ในประโยคที่มีกริยา 2 ตัว โดยใช้ Future Simple Tense กับกริยาที่อยู่หน้าคำเชื่อม และใช้ Present Perfect Tense หรือ Present Simple Tense กับกริยาที่อยู่หลังคำเชื่อม คำเชื่อมที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ If (ถ้า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), when (เมื่อ), until (จนกระทั่ง), as soon as (ทันทีทันใด), before (ก่อนที่), after (หลังจาก) เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค
       shall go to the beach after I have finished my work.  (ฉันจะไปชายหาด หลังจากที่ได้ทำงานเสร็จแล้ว)
      They will travel round the world when they win the lottery.  (พวกเขาจะท่องเที่ยวไปรอบโลกถ้าหากพวกเขาถูกล็อตเตอรี่)


      " to be going to" เราสามารถใช้ to be going to แทน will, shall ได้ในกรณีต่อไปนี้


ใช้ to be going to + Verb 1      กรณีที่สามารถใช้ to be going to + Verb 1
      
      1. ใช้เพื่อแสดงความตั้งใจ  
       I am going to do my homework this evening.  (ฉัน (ตั้งใจว่า) จะทำการบ้านตอนเย็นนี้)


      2. ใช้เพื่อแสดงการคาดคะเน
      My father thinks it's going to rain.  (พ่อของฉันคิดว่าฝนคงจะตก)


      3. ใช้เพื่อแสดงข้อความที่คาดว่าเป็นจริงแน่นอน
       I am going to have a baby.  (ฉันกำลังจะมีลูก)


กรณีที่เราไม่สามารถใช้ to be going to + Verb 1 แทน will, shall ได้ มีดังนี้


       1. เหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างเลี่ยงไม่ได้
        To be is the 7 th and tomorrow will be the 8 th.  (วันนี้เป็นวันที่ 7 และพรุ่งนี้เป็นวันที่ 8)


       2. ในประโยคเงื่อนไขที่ใช้ if เป็นตัวเชื่อม
        We shall play football if you come with us.  (พวกเราจะเล่นฟุตบอลกันถ้าคุณมากับเรา)  


       3. เมื่อเป็นกริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น know (รู้), love (รัก), remember (จำได้), forget (ลืม) เป็นต้น
        I will (shall) not forget your words.  (ฉันจะไม่ลืมถ้อยคำของคุณ)      

การใช้ will, shall สลับบุรุษกัน                 
         โดยปกติเราจะต้องใช้บุรุษที่ 1 ได้แก่ I, We กับ shall และบุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3 ได้แก่ You, He, She, It, และคำนามกับ will แต่เมื่อนำ shall มาใช้กับบุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3 จะทำให้ความหมายเปลี่ยนไป ดังนี้


shall กับบุรุษที่ 2 และบุรุษที่ 3
       1. ความหมายในเชิงให้คำสัญญา
เช่น If you help me do it you shall get a reward.  (ถ้าคุณช่วยฉันทำสิ่งนี้ คุณจะได้รางวัล)


       2. ความหมายในเชิงบังคับ
เช่น You shall be punished if you don't follow his advices.  (คุณจะถูกทำโทษถ้าคุณไม่ทำตามคำแนะนำของเขา) 


       3. ความหมายในเชิงแสดงความแน่วแน่ของการตัดสินใจ
เช่น She shall pass the examination, if she doesn't cut my class.  (หล่อนจะสอบผ่านถ้าหล่อนไม่ขาดเรียน (วิชาของผม)


เมื่อนำ will มาใช้กับบุรุษที่ 1 จะทำให้ความหมายเปลี่ยนไป ดังนี้
will กับบุรุษที่ 1


       1. ให้ความหมายในเชิงแสดงความตั้งใจจริงของผู้พูด
เช่น I will finish my work this evening.  (ฉันจะทำงานให้เสร็จในเย็นนี้)


       2. ให้ความหมายในเชิงให้คำสัญญา
เช่น I will love you forever.  (ฉันจะรักคุณตลอดไป)










     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น